วิธีกำจัดเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงให้สิ้นซาก

Share it:
วิธีกำจัดเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงให้สิ้นซาก
การกำจัดเห็บหมัดหากปฏิบัติไม่ถูกวิธี ย่อมยากที่จะกำจัดให้น้อยลงหรือหมดไป ” จะสังเกตุเห็นโดยทั่วไปว่า แม้ผู้เลี้ยง จะได้ใช้ ตัวยาหลายยี่ห้อ มากำจัด ก็ยังไม่หมดสิ้น หรือบางทีไปพบสัตว์แพทย์เพื่อแก้ไขในส่วนของเห็บหมัดที่มีอยู่บนตัวสุนัข แล้ว แต่ปัญหาการแพร่พันธุ์ของเห็บหมัด ก็ยังมีอยู่และเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ บทความนี้จะชี้ให้เห็นแนว ทางแก้ปัญหา เพื่อควบคุมปริมาณเห็บหมัดให้เหลือน้อยที่สุด เพื่อสุขภาพกาย สุขภาพจิต ของสัตว์เลี้ยงอันเป็นที่รักของท่าน และของตัวท่าน
ปัญหาของเห็บหมัด
“เห็บหมัด”เป็นตัวปัญหาที่สร้างความรำคาญให้กับสุนัขและผู้เลี้ยง และ เป็นสาเหตุในอันดับต้นๆ ที่ทำให้สุนัขเป็น โรคโลหิตจาง โรคผิวหนัง โรคตับ โรคไต และ โรคพยาธิในเม็ดเลือด สร้างความสูญเสีย ทำให้สุนัขเสียต้องชิวิตก่อนวัยอันควร  ซึ่งจะสังเกตุอาการได้จาก ร่างกายสุนัขผ่ายผอม น้ำหนักลดลง ทั้งที่กินอาหารตามปกติ ต่อมาจะมีไข้ตัวร้อน เบื่ออาหาร ซึมไม่ร่าเริง เหงือก ลิ้นซีด และอาจมีจ้ำตามตัว พบเห็นรอยแผลที่เกิดจากการเกาที่ผิวหนังของสุนัข สืบเนื่องมาจากพิษของน้ำลายเห็บ เมื่อไม่ได้รับการแก้ไขจนมาถึงถึงขั้นสุดท้าย สุนัขจะหยุดกินข้าว อาเจียนเป็นฟองมีสีเหลือง ใต้ใบหูตามตัวมีจุดแดงๆ จ้ำเป็นจุด และเสียชีวิตอย่างฉับพลัน จากการที่ป่วยสะสมมานาน โดยที่ผู้เลี้ยงที่ขาดประสปการณ์จะไม่รู้สึกตัว    การกำจัดเห็บหมัดให้หมดสิ้นไป  ในความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก  เพราะมีปัจจัยในหลายส่วนเข้าเกี่ยวข้อง เช่น สภาพอากาศที่ร้อนชื้นของเมืองไทย ที่เอื้ออำนวย ในการแพร่พันธ์ ของเห็บ และหมัด โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างฤดูร้อน กับฤดูฝนช่วงเดือน เมษายน ไปจนถึงเดือนกรกฎาคม เห็บหมัด จะแพร่พันธ์ได้เร็ว และมีจำนวนมากที่สุด รวมถึงสถานที่ และวิธีในการเลี้ยง แบบไทยๆที่ง่ายและสดวก ต่อการไปมาหาสู่ของสุนัข และสัตว์อื่น การขาดการดูแลเอาใจใส่ในการอาบน้ำทำความสะอาดให้สุนัขอย่างสม่ำเสมอ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง ที่ปัญหาเห็บหมัดไม่อาจหมดสิ้นไปได้  ” การควบคุมปรืมาณเห็บหมัด ให้น้อยที่สุด จึงเป็นทางออกที่จำเป็นสำหรับผู้เลี้ยงสุนัข การป้องกันกำจัดลดจำนวน ตั้งแต่แรกย่อมให้ผลดีกว่า ง่ายกว่า ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า ที่จะปล่อยให้ ปัญหาเห็บหมัดเรื้อรังจนสายเกินไป ”
วงจรชีวิตของเห็บหมัด
 
” เห็บสุนัข ” กินเลือดสุนัขเป็นอาหาร เห็บตัวแดงๆ เล็กๆแบนๆ ดูดเลือดสุนัข จนตัวบวมเป่งคล้ำๆเกือบดำ  ขนาดเม็ดมะขาม นั้น เป็นเห็บเพศ เมีย เมื่อกินอิ่มเต็มที่ จะเริ่มผสมพันธุ์กับเห็บเพศผู้บนตัวสุนัข ” หลังจากนั้นเห็บจะออกจากตัวสุนัข ตอนที่สุนัขหลับไม่เคลื่อนไหว ไปหาที่วางไข่ ในบริเวณพื้นดิน สนามหญ้า ซอกหลืบ มุมคอก รอยแตก ผนังบ้าน เพดานบ้าน กำแพง  ที่มืดอับชื้น และบริเวณที่สุนัขผ่านไปมา ” เห็บ ตัวเมียจะใช้เวลาในการวางไข่ประมาณ 10 วัน ครั้งละประมาณ 2,000 ฟอง เมื่อวางไข่เสร็จแล้ว ตัวเมียจะแห้งตายไปเองในที่สุด ตัวไข่ใช้เวลาประมาณ 20 วัน ในการฟักออกมาเป็นตัวอ่อน  ซึ่งในวัยนี้ตัวอ่อน 2000 ตัวต่อหนึ่งแม่ ถ้ามีแค่ 10 แม่ก็มีตัวอ่อน 20000 ตัว ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีมากกว่านั้น ตัวอ่อนในวัยนี้ จะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก และกลับขึ้นไปกินเลือดสุนัขอีกครั้ง กินอยู่ประมาณ 2 -3 วัน เมื่ออิ่มแล้วออกจากตัวสุนัข ไปหาที่ลอกคราบ เป็น ตัวกลางวัย ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตัวอ่อนอย่างเห็นได้ชัด ตัวกลางวัยนี้จะกลับมากินเลือดบนตัวสุนัขอีก และออกจากตัวสุนัขไป ลอกคราบกลายเป็นตัวเต็มวัย  และกลับมา บนตัวสุนัขอีก เพื่อดูดเลือดและผสมพันธุ์ต่อไปเรื่อยๆ โดยวงจรนี้มีระยะเวลา 2 เดือน ที่เห็บสามารถแพร่พันธ์ได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ และมีปริมาณมากพอที่จะสร้างปัญหาให้กับสุนัข โดยเฉพาะบริเวณที่มีสุนัขอยู่จำนวนมาก เห็บหมัดจะมีมากนับทวีคูณ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันกินเลือดสุนัข จนผู้เลี้ยงมีความรู้สึกได้ว่า ทำไมกำจัดบนตัวสุนัขแล้ว จนหมดสิ้นแล้วไม่ถึง อาทิตย์กลับมามีใหม่ มาจากไหน อย่างไร ในตอนท้ายบทความจะกล่าวถึงสาเหตุตรงนี้อีกครั้ง
ยากำจัดเห็บหมัด
เพื่อให้เห็นภาพแนวทางในการใช้ยาหรือสารกำจัดเห็บหมัด อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลสูงสุดผู้เขียน จึงได้แยกระดับปัญหาการกำจัดเห็บหมัด โดยอิงจำนวนแพร่กระจายของเห็บหมัด และจำนวนสุนัข จากเบาไปหาหนัก เป็นระยะในการจัดการ เพื่อใช้ยา หรือสาร และเครื่องมือที่เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม ข้อคิดเห็นทั้งหมดเป็นเพียงแนวทางกว้างๆ ในวิธีปฏิบัติจริงอาจมีการใช้ยา หรือสารต่างๆ ที่อยู่ในระยะต่างกัน มาประยุกต์ใช้ให้เกิดความเหมาะสม และได้ประสิทธิภาพสูงสุดตามแนวคิด และความสะดวกในด้านต่างๆ ของผู้อ่านเอง เช่นตัวยาที่มี แหล่งซื้อหา และงบประมาณ
กลุ่มยากำจัดเห็บหมัดในระยะเริ่มต้น
แชมพูกำจัดเห็บหมัด
แชมพู กำจัดเห็บหมัด ใช้อาบน้ำให้สุนัข  ออกฤทธิ์ฆ่าเห็บหมัดที่อยู่บนตัวสุนัขในระยะเวลา 1 วัน กำจัดเฉพาะตัวแก่ มีบางยี่ห้อบ้างที่ที่ฆ่าตัวอ่อนและไข่ไปพร้อมกัน   ใช้ง่ายปลอดภัย เห็บหมัดตายในทันที ราคาถูก 1 ขวดใช้ได้หลายครั้ง แต่ต้องอาบน้ำบ่อยหน่อย  เหมาะสำหรับสุนัขผู้เลี้ยงสุนัขน้อยตัวเห็บหมัดไม่มากนัก ใช้ป้องกันในระยะเริ่มต้น ก่อนที่เห็บหมัดขยายตัว แต่ต้องใช้บ่อยๆ สม่ำเสมอ จึงจะได้ผล

แป้ง กำจัดเห็บหมัด
แป้งกำจัดเห็บหมัด พระเอกตัวจริง โดยเฉพาะกระป๋องขาว-เขียว ใช้โรยบนตัวสุนัขเพื่อกำจัดเห็บหมัดที่อยู่บนตัว ระยะเวลาป้องกัน ประมาณ 7 วัน ได้ผลดี เห็บหมัดตายในทันที ราคาถูกมาก ใช้ง่าย สะดวก  อาทิตย์ละครั้งหลังอาบน้ำ  ใช้ ป้องกันในระยะเริ่มต้น ก่อนที่เห็บหมัดขยายตัว หากใช้บ่อยๆ สม่ำเสมอ สามารถควบคุมการแพร่พันธุ์ได้ดี จนไม่จำเป็นใช้ยาประเภทอื่นเลย

สเปรย์กำจัดเห็บหมัด
ใช้พ่นบนตัวสุนัขจนเปียกชุ่มเพื่อฆ่าเห็บหมัดที่อยู่บนตัวสุนัข ระยะเวลาป้องกัน 10 30 วัน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์  ฉีดแล้วเห็บหมัดตายในทันที แต่เหนียวเหนอะ หากเข้าตา หรือปากสุนัขอาจแพ้ได้ ราคาสูง เหมาะสำหรับสุนัขผู้เลี้ยงสุนัขน้อยตัวมีเห็บหมัดเริ่มมาก กำลังเริ่มแพร่พันธุ์ แชมพูกำจัดเห็บเริ่มใช้ไม่ได้ผล ใช้ป้องกันในระยะเริ่มต้น ช่วงที่เริ่มมีปัญหามากขึ้น และต้องการกำจัดให้หมดโดยเร็ว

ปลอกคอกำจัดเห็บหมัด
ใช้สวมให้สุนัขเพื่อกำจัดเห็บหมัด ด้วยตัวยาในปลอกคอที่ค่อยๆซึมลงผิวหนังไปกระจายทั่วตัวคล้ายยาหยด ระยะเวลาป้องกัน 3 6 เดือน ขึ้นอยู่กับผลิตภัณฑ์ ข้อดี สะดวก ปลอดภัย ระยะเวลาป้องกันนาน เมื่อเฉลี่ยต่อเดือนแล้วเป็นการป้องกันที่มีราคาถูก แต่ไม่ค่อยได้ผลกับสุนัขขนยาว และขนหนา  ควรใช้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเห็บหมัดจากที่อื่น

กลุ่มยากำจัดเห็บหมัดในระยะกลาง
กลุ่มยาหยด วิธีใช้ หยดบนบริเวณหลังคอ ทำงานโดยซึมเข้าไปกระจายในไขมันใต้ผิวหนัง ใช้ฆ่าเห็บหมัดที่อยู่บนตัวสุนัข ระยะเวลาป้องกันประมาณ 1 เดือน ต่อ หลอด  ควรซื้อให้ถูกขนาดตามน้ำหนักสุนัขและใช้ให้หมดหลอด ยาอาจไม่ได้ผลเมื่อแบ่งใช้ สะดวก ปลอดภัย ไม่เลอะเทอะ ได้ผลดีในกรณีที่มีสุนัขน้อยตัวเห็บหมัดไม่มาก แต่ต้องหยดให้กับสุนัขทุกตัวในคราวเดียวกัน บางยี่ห้อป้องกันพยาธิหัวใจด้วย ราคาแพง ยี่ห้อที่ถูกก็มี แต่มีคุณภาพต่ำ ไม่เหมาะกับช่วงที่มีปัญหามาก หรือมีสุนัขจำนวนมากที่ต้องทำการกำจัดเห็บหมัด เพราะออกฤทธิช้า   ควรใช้ตลอดเวลาเพื่อป้องกันไม่ให้ติดเห็บหมัดจากที่อื่น คัดมาเฉพาะยี่ห้อที่นิยมใช้ในบ้านเราและใช้ได้ผลค่อนข้างดี เป็นที่ยอมรับและใช้กันทั่วไปมีดังนี้

Frontline และ Frontline plus (ฟร้อนไลน์และฟร้อนไลน์ พลัส)

  
Frontline มีส่วนผสม คือสาร Fipronil ส่วน Frontline plus จะเพิ่มสาร S-Methoprene ซึ่งมีฤทธิ์ในการกำจัดไข่หมัด การทำงานสารทั้งสอง จะส่งผลรบกวนการส่งกระแสประสาทของเห็บและหมัด เห็บจะตายในเวลา 2 วัน สามารถออกฤทธิ์นานประมาณ 30 วัน  สุนัขต้องมี อายุ 8 สัปดาห์ขึ้นไป ก่อนหยดยา ขนสุนัขต้อง แห้งสนิท ใช้หยด บริเวณหลังช่วงต้นคอ

Revolutio (เรฟโวลูชั่น)
Revolution มีส่วนผสมคือสาร Selamectin เป็นยาในกลุ่ม Avermectin เช่นเดียวกับยา Ivermectin จะทำหน้าที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด  มีผลต่อการส่งกระแสประสาทในตัวเห็บหมัด ทำให้เป็นอัมพาตและตาย ยาจะติดอยู่ที่ไขมันที่เคลือบผิวหนังและขนสุนัข ทำให้เห็บทีมาเกาะตายทันที  โดยไม่ต้องรอให้เห็บดูดเลือด  Revolution มีคุณสมบัติในการกำจัดพยาธิภายนอกได้หลายชนิด เช่น ไรในช่องหู ไรขี้เรื้อนแห้ง พยาธิภายในประเภทตัวกลมในระบบทางเดินอาหาร และป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ ใช้กับสุนัข อายุ 6 สัปดาห์ขึ้นไป ใช้ได้ในสุนัขที่ตั้งท้องและให้นมลูกได้ ให้ในสุนัขที่จะแพ้ยา Ivermectin เช่น พันธุ์คอลลี่ โอลด์ อิงลิช ชีพด็อกเป็นต้น ระยะป้องกันได้ประมาณ 30 วันใช้หยด บริเวณหลังช่วงคอ ก่อนใช้และหลังใช้ ห้ามอาบน้ำ 2 ชั่วโมง  กรณีที่ใช้เพื่อกำจัดเห็บ ที่มีเห็บจำนวนมาก ต้องหยดซ้ำอีกครั้ง ภายใน 15 วัน Revolution เหมาะสำหรับกรณีที่ มีเห็บไม่มาก แต่ ต้องการกำจัดพยาธิภายนอกตัวอื่นไปด้วย

Detick Pet-Tick pet-choice top-choice( สารน้ำกำจัดเห็บหมัดที่ไม่ขึ้นทะเบียน )



เป็นกลุ่มสารน้ำ กำจัดเห็บหมัดที่ไม่ขึ้นทะเบียน จึงทำให้ไม่ทราบสารที่เป็นส่วนผสมที่ชัดเจน เป็นกลุ่มยาหยดหลังที่ราคาถูกที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงในการใช้กับสุนัขมากที่สุดเช่นกัน และเป็นเรื่องที่แปลก ยากลุ่มนี้มีจำหน่ายโดยทั่วไปในเมืองไทย มีคนนิยมใช้กันจำนวนมาก อาจจะเป็นด้วยเหตุที่ราคาที่ถูก และคงมีประสิทธิภาพจริง แต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป และยังไม่มีผลทางวิชาการมารองรับ บางส่วนอ้างว่า มีส่วนผสมยาฆ่าแมลงอันตราย ที่มีผลข้างเคียงในการทำลายตับสุนัข แบบเรื้อรัง ฉะนั้นผู้ใช้ควรระมัดระวังในการใช้
โดยส่วนใหญ่ผู้ผลิตจะระบุวิธีใช้ อัตราส่วน 1 ซีซี ต่อขนาดสุนัข 10 กิโลกรัม (ให้ใช้หยดตามขนาดน้ำหนักของสุนัข) ให้หยดบริเวณไหล่ของสุนัขหรือท้ายทอยของสุนัข ห้ามให้สุนัขกลืนกิน ได้โดยเด็ดขาด หลังหยดห้ามอาบน้ำ 5 วัน 1 ขวดออกฤทธิ์นาน 1 เดือน สำหรับสุนัขที่เห็บเยอะมาก สามารถหยอดถี่ได้อาทิตย์ละครั้ง เมื่อเห็บตาย แล้วค่อยหยอดปกติเพื่อป้องกันเดือนละครั้ง

สรุปจะใช้ยาหยดหลังสุนัข ในการกำจัดเห็บหมัดยี่ห้อไหนดี ทุกยี่ห้อล้วนไม่ต่างกันมากนัก ขึ้นกับความสะดวกของผู้เลี้ยงเป็นหลัก ตามเหตุผลด้านราคา และสถานที่หาซื้อ  และ ถ้าใช้ยี่ห้อใดยี่ห้อหนึ่งมานาน มีการดื้อยายี่ห้อนั้นๆ ประสิทธิภาพในการกำจัดเห็บหมัดลดลง ก็เปลี่ยนมาใช้อีกยี่ห้อเพื่อแก้ปัญหาการดื้อยาส่วนการใช้ยาหยดหลังกับ กรณีที่มีสุนัขหลายตัว และมีเห็บหมัดจำนวนมากยาหยดหลังไม่อาจกำจัดเห็บหมัดได้ทั้งระบบต้องใช้ยา ชนิดอื่นมาร่วมด้วย คือยาประเภทกำจัดเห็บหมัดนอกตัวสุนัข ตามสภาพแวดล้อม ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป
กลุ่มยากำจัดเห็บหมัดในระยะสุดท้าย
Bayticol ( ไบติคอล )
Bayticol ประกอบด้วยสาร Flumethrin มีความปลอดภัยสูง เมื่อใช้บนตัวสุนัข สามารถออกฤทธิ์กำจัดพยาธิภายนอกต่างๆบนตัวสุนัข เช่น เห็บ หมัด ไร เหา เป็นต้น วิธีการใช้ ผสมกับน้ำคือ ในอัตราส่วน 1 ซีซีผสมกับน้ำ 1.5 ลิตร แล้วนำมาราดบนตัวสุนัข  หรือใช้ผ้าหรือฟองน้ำชุบน้ำยามาเช็ดตัวสุนัข ในทิศทางที่ ย้อนขน ซอกคอ ซอกหู อุ้งมือ อุ้งเท้า บริเวณท้อง และหาง ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งโดยไม่ต้องล้างออก และระวังอย่าให้สุนัขเลีย ซึ่งสุนัขบางต้วอาจแพ้ได้ คุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่สำคัญของ Bayticol คือส่วนผสมนำยาในอัตราดังกล่าว ใช้กำจัดเห็บหมัด ไร เหา ไข่ และตัวอ่อนวัยต่างๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ตาม พื้นดิน สนามหญ้า ซอกหลืบ มุมคอก รอยแตก ผนังบ้าน เพดานบ้าน กำแพง  ที่มืดอับชื้น และบริเวณที่สุนัขผ่านไปมา และบริเวณบ้านทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีการแพร่กระจายของเห็บหมัด

Amitraz (อะมีทราซ)
Amitraz มีคุณสมบัติในการกำจัดปรสิตภายนอกได้ดี ใช้ได้ทั้งกรณีกำจัดเห็บ และรักษาขี้เรื้อนเปียกและขี้เรื้อนแห้ง วิธีใช้ เอาตัวยา Amitraz มาผสมน้ำให้เจือจาง ในอัตราส่วน ใช้น้ำ 1 ลิตร ผสมกับ Amitraz (เข้มข้น 12.5%) 1-2 ซีซี ใช้ราดบนตัวสุนัขให้ชุ่ม อย่าล้างน้ำออก ทิ้งไว้ให้แห้ง หลังจากอาบราดน้ำยา Amitraz ไปแล้วและช่วงที่รอน้ำยานี้ให้แห้ง ระวังอย่าให้สุนัขเลีย สุนัขอาจแพ้สารเคมีได้ ใช้สำหรับสุนัข อายุ 4 เดือนขึ้นไป ห้ามใช้ กับสุนัข ที่กำลังตั้งท้องและให้นม ไม่ควรใช้ในสุนัขพันธุ์เล็กๆ เช่น ชิวาวา ปอมเมอเรเนียน ยอร์คเชียร์ เพราะอาจเกิดผลข้างเคียงกับระบบประสาท และกับสุนัขที่เป็นเบาหวาน ถ้าใช้แล้วมีอาการแพ้หรือผิวหนังมีผื่นแดงอักเสบให้หยุดใช้ทันทีและล้างน้ำ ออก

Ivermectin ( ไอเวอร์เมคติน )
Ivermectin ชื่อยาสามัญ ชื่อในทางการค้าบ้านเราเช่น ยี่ห้อ Ivomec  และ Baymec ฯลฯ Ivermectin เป็นยาที่ออกฤทธิได้กว้างขวาง กำจัดพยาธิได้ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ พยาธิหนอนหัวใจ พยาธิตัวกลม ไรขี้เรื้อนแห้งและเปียก และเห็บหมัด โดยมีวิธีการใช้ในหลายระดับตามจุดประสงค์ที่ต้องการ ความจริงแล้วยาตัวนี้ถูกขึ้นทะเบียนสำหรับ ใช้กับสัตว์ปศุสัตว์ เช่น หมู วัว ควาย ในเมืองไทย แต่ต่อมา มีการนำมาใช้สำหรับกำจัดเห็บหมัด ในสุนัข ซึ่งต่างประเทศเองก็ยังไม่มีการรับรองผลในส่วนนี้ เนื่องจากมีผลการทดลอง ทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาของสุนัขในตระกูล สายพันธุ์  โอล์ด อิงลิช ชีพด็อก-คอลลี-เชทแลนด์ ชีพด็อก เป็นต้น อีกประการหนึ่ง ผู้เขียนเองเคยทดลองใช้กับสุนัขอายุน้อยกว่า 3 เดือน มีการเก็บสถิติการรักษา พบว่ามีผลข้างเคียงจากการใช้ยาอยู่สูงพอสมควร จึงไม่แนะนำให้ใช้สาร Ivermectin โดยตรง กับสุนัขในระหว่างวัยนี้ หากมีความจำเป็นไม่ควรใช้สาร Ivermectin โดยตรง  เพราะที่จริงแล้วสารยาประเภทนี้ ถูกนำมามาใช้กับสัตว์ประเภท หมู วัว ควาย ไม่ได้ใช้กับสุนัขโดยตรง ซึ่งส่วนใหญ่สุนัขมีน้ำหนักน้อยกว่า และมีหลายขนาด ตัวยาที่ถูกออกแบบมาให้มีความเข้มข้นสูงเพื่อสดวกในการใช้ และ เหมาะสำหรับทำการรักษาสัตว์ขนาดใหญ่ ฉะนั้นผู้ใช้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ควรปรึกษาสัตว์แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญในก่อนใช้ เป็นสารยาที่นิยมใช้กันมากอย่างกว้างขวางมานาน แล้ว ของผู้เลี้ยงสุนัข โดยเฉพาะกลุ่มคอก ฟาร์มสุนัข ได้นำมาดัดแปลงใช้งาน ทั้ง กิน ฉีด หยด ผสมอาหาร ฯเพื่อจุดประสงค์ในการกำจัดควบคุมเห็บหมัด และพยาธิภายในสุนัข  ด้วยเหตุที่เป็นสารท ต่อมา คลีนิคสัตว์บางแห่ง รวมถึงผู้ประกอบการข้าวข้องเครื่องใช้สัตว์ ถูกนำมาดัดแปลงใช้ทั้ง กิน ฉีด หยด ผสมอาหาร หรือเป็นส่วนผสม ด้วยยาตัวเดียวกัน Ivermectin เป็นยาที่ออกฤทธิได้กว้างขวาง กำจัดพยาธิได้ทั้งภายในและภายนอก โดยเฉพาะ พยาธิหนอนหัวใจ พยาธิตัวกลม ไรขี้เรื้อนแห้งและเปียก และเห็บหมัด โดยมีวิธีการใช้ในหลายระดับตามจุดประสงค์ที่ต้องการ เช่นรักษาโรคไรเรื้อนต้องใช้ในปริมาณที่สูง ความจริงแล้วยาตัวนี้ถูกขึ้นทะเบียนสำหรับ ใช้กับสัตว์ปศุสัตว์ เช่น หมู วัว ควาย ในเมืองไทย แต่ต่อมา มีการนำมาใช้สำหรับกำจัดเห็บหมัด ในสุนัข ซึ่งต่างประเทศเองก็ยังไม่มีการรับรองผลในส่วนนี้ เนื่องจากมีผลการทดลอง ทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยาของสุนัขในตระกูล สายพันธุ์  โอล์ด อิงลิช ชีพด็อก-คอลลี-เชทแลนด์ ชีพด็อก เป็นต้น รวมถึงสุนัขพันธุ์อื่นที่อายุน้อยกว่า 3 เดือนก็มีความเสี่ยงดังกล่าว รวมถึงอาการปวดแสบปวดร้อนขณะฉีด และการกะปริมาณยาในการรักษายาก เนื่องจากตัวยามีความเข้มข้นสูง เพราะออกแบบมาใช้กับสัตว์ประเภท หมู วัว ควาย ไม่ได้ใช้กับสุนัขโดยตรง  ฉะนั้นผู้ใช้ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ควรปรีกษาสัตว์แพทย์ในการใช้ Ivermectin นิยมใช้ฉีด แต่สามารถดัดแปลงใช้ หยด ฉีดมาเพื่อกำจัดเห็บ แถมยังป้องกันพยาธิหนอนหัวใจไปได้ด้วย กำจัดพยาธิภายในตัวกลมประเภทต่างๆไปในตัว ตัวยาที่เข้มข้นมาก ก็กำจัดไรเรื้อน สะดวกกับการใช้กับสุนัขจำนวนมาก ที่สำคัญราคาถูกกว่ายากำจัดเห็บหมัดประเภทอื่น ผลการใช้งานมีประสิทธิภาพสูง ครอบคลุมเกือบทุกส่วนในเข็มเดียว ประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย แต่ผู้เลี้ยงต้องรับภาระความเสี่ยงไปแทนก่อนใช้จึงควรศึกษาให้เข้าใจเสีย ก่อน
สำหรับยาตัวนี้ผู้เขียนใช้เป็นยาหลักในการจัดการฟาร์มสุนัข เน้นใช้กับสุนัขพันธุ์ใหญ่  หรือสุนัขพันธุ์เล็กที่มีลักษณะทางสายพันธุ์ที่แข็งแรง เช่น ชิสุห์ ปั๊ก บีเกิ้ล ส่วนสุนัขพันธุ์เล็ก เช่น ชิวาว่า ปอม จะเลี่ยงไปใช้ยาประเภทหยด และที่สำคัญผู้เขียนจะหลีกเลี่ยง ที่จะใช้กับสุนัขที่อยู่ระหว่างการผสมพันธุ์ ก่อนหรือหลัง 2 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากเคยมีผลที่ทำให้สุนัขผสมไม่ติด

สรุปมีตัวยาหลายชนิดที่ผู้ผลิต ระบุว่า สามารถใช้ได้กับสุนัข ที่ตั้งท้อง และ ให้นมลูก สุนัขที่ป่วย และลูกสุนัข ที่อายุต่ำกว่า 3 เดือน ในส่วนผู้เขียนนั้นเห็นต่างว่าไม่ว่าจะเป็นยากำจัดเห็บหมัดชนิดไหน ยี่ห้อใด ผู้เขียนไม่ขอแนะนำให้ใช้ รวมถึงสุนัขพ่อแม่พันธุ์ ที่อยู่ระหว่างการผสมพันธุ์ ในส่วนนี้ผู้เขียนจะใช้วิธีอาบน้ำ และเก็บออก และถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จะใช้แค่แป้งโรยตัวกำจัดเห็บหมัดเท่านั้น

ข้อมูล: DOG2BOY


Share it:

เกษตรเคมี

เวชภัณฑ์ยาเคมี

Post A Comment:

0 comments: